วัดตาลเดี่ยวตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งคล้า ต.บุ่งคล้า อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
วัดตาลเดี่ยว เดิมชื่อวัดบุ่งคล้า ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดตาลเดี่ยวในภายหลัง เหตุที่ได้ชื่อว่า "ตาลเดี่ยว" เพราะในสมัยที่
ก่อตั้งวัดใหม่ๆนั้นมีต้นตาลต้นเดียวอยู่ในบริเวณวัด ปัจจุบัน พระครูวิจิตรชยารักษ์ เป็นเจ้าอาวาส
ประวัติการดำเนินงานการแพทย์แผนไทยในวัด
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทยในวัดตาลเดี่ยวก็คือ ศูนย์บำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติด
โครงการบำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติดของวัดตาลเดี่ยว เริ่มต้นจากแนวความคิดของท่านพระครูวิจิตรชยารักษา ด้วยเหตุที่
ท่านได้เล็งเห็นพิษภัยของสุราและยาเสพติดอันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาของครอบครัวและนำไปสู่การสร้างปัญหาให้แก่สังคม
นอกจากนี้สุรายังเป็นสารเสพติดที่ทำลายสมองและร่างกายของผู้ที่ดื่มในระยะยาว ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมามากมาย
ทั้งโรคตับแข็ง ตับอักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคจิตเวชจากการติดสุรา ที่สำคัญคือ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือนที่จะต้อง
สิ้นเปลืองไปกับรายจ่ายสำหรับสุราและยาเสพติดซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย มิหนำซ้ำยังเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหา
ของครอบครัว ชุมชน และปัญหาในสังคมตามมามากมาย
ด้วยเหตุนี้ ท่านพระครูฯจึงได้เสาะแสวงหาหาหนทางดับทุกข์ให้ญาติโยมเหล่านั้น เมื่อประมาณ ๓๕ ปีก่อน (ปี พ.ศ.๒๕๒๕)
ในช่วงที่ท่านมีอายุได้ประมาณ ๒๘ ปี ท่านได้เดินทางไปอบรมหลักสูตรการรักษาผู้ติดยาเสพติดให้แก่พระภิกษุ จัดโดยสำนัก
พระพุทธศาสนาที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้นท่านก็นำวิชาความรู้ที่ได้จากการอบรมมาเผยแพร่ต่อ โดยการก่อตั้ง ศูนย์บำบัด
ผู้ติดสุราและยาเสพติด ขึ้นที่วัดตาลเดี่ยว และได้ดำเนินงานบำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
แนวคิดตามหลักพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อใส ฐิตวิริโย อายุ ๘๐ ปี ผู้รับผิดชอบโครงการบำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติดแทนพระครูวิจิตรชยารักษ์ เจ้าอาวาส
กล่าวถึงหลักธรรมที่นำมาใช้ในการดำเนินงานศูนย์บำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติดในวัดตาลเดี่ยวว่า เมื่อคนกลายเป็นทาสของยา
เสพติดแล้วสำนึกผิด อยากกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคม จึงมองหาที่พึ่งที่ป้องกันมิให้หลงกลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ในฐานะวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชน เป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนา จึงควรมีส่วนร่วมในการบำบัดรักษา ให้เป็นหลัก
และที่พึ่งพิงของผู้ป่วย โดยใช้สมุนไพรและภูมิปัญญาพื้นบ้าน ควบคู่กับการใช้หลักธรรมคำสอน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้สามารถผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคตรงนี้ไปได้ในที่สุด
ศูนย์บำบัดผู้ติดสุราและยาเสพติด วัดตาลเดี่ยว ได้ใช้หลักธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิ
ญาณ และได้ค้นพบหลักความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ หรือ อริยสัจ 4 มาเป็นหลักธรรมในการบำบัดผู้ป่วยให้พ้นทุกข์ทั้งปวง
ประกอบด้วย
1. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เป็นสภาพของความลำบากทั้งทางกายและทางใจ
2. สมุทัย คือ สาเหตุแห่งทุกข์นั้น
3. นิโรธ คือ ความไม่มีทุกข์ ซึ่งก็หมายถึงการเข้าใจในสมุทัย ความเข้าใจสาเหตุแห่งทุกข์ ความเศร้ามัวหมองทั้งปวง
4. มรรค คือ หนทางแห่งการดับทุกข์ กล่าวคือ เมื่อเกิดทุกข์อันเกิดจากสาเหตุของการดื่มสุราและเสพยาเสตติดหรือมั่วสุม
อบายมุข ก็ให้หาสาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ซึ่งก็คือสมุทัย หรือหาวิธีหลุดพ้นจากบ่วงอโคจรอันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ ถ้าเข้าใจตรงนี้
แล้วก็จะหาทางออกแห่งการดับทุกข์นั้นได้
นอกจากนี้ยังใช้หลักธรรมสัจจะบารมี หมายถึง ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ เช่น การสัญญาว่าเป็นลูกที่ดี เป็นสามีที่ดี
เป็นพ่อที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี มีสัจจะต่อการงานที่ทำ คือ เมื่อตั้งใจทำงานชิ้นใดแล้วจะทำให้เต็มที่ ศูนย์บำบัดฯจะสอนให้ผู้มารับการ
บำบัดมีสัจจะต่อวาจา คือ เมื่อพูดอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น เป็นผู้มีวาจาตรงกับใจ ซึ่งข้อนี้เป็นหลักสำคัญที่นำมาประกอบวิธีการ
บำบัดผู้ติดสุราของศูนย์ฯ