ที่ตั้ง หมู่ ๑ ตำบลสระกระโจม อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ประวัติวัด
วัดตรีวิสุทธิราม เดิมเป็นสำนักสงฆ์ ชื่อสำนักสงฆ์ไตรรงค์วิสุทธิธรรม เริ่มสร้างสำนักสงฆ์เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๒ หลังจากนั้น
ปีพ.ศ.๒๕๕๓ ได้นิมนต์หลวงพ่อไก่ หรือพระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์ (ปัจจุบัน) หรือฉายานามพระสมศักดิ์ ญาณคุตโต จาก
วัดตรีญาติ ตำบลพงสวาย อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี มาจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ หลังจากนั้นสำนักสงฆ์ค่อยๆพัฒนา
จนขอจดทะเบียนเป็นวัดอย่างถูกต้องตามกฎหมายในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นวัดสายธรรมยุต มีพระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์
เป็นเจ้าอาวาสวัด ปัจจุบันวัดมีพื้นที่ทั้งหมด ๗๑ ไร่ พระสงฆ์ทั้งหมด ๓๐ รูป และแม่ชี พราหมณ์
ประวัติการดำเนินการแพทย์แผนไทย
พระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์บวชมานาน ๓๐ พรรษา อายุ ๕๕ ปี เมื่อครั้งที่อยู่วัดตรีญาติเป็นรองเจ้าอาวาสวัด ก็ทำการรักษาผู้ป่วย
โรคต่างๆด้วยการใช้สมาธิบำบัด พร้อมให้ยาสมุนไพร ๒ ชนิดคือยาดองมะกรูดและน้ำย่านาง การรักษาเน้นในขณะนั้นเน้นให้
ผู้ป่วยปฏิบัติธรรม ทำสมาธิบำบัด ทำให้มีผู้ศรัทธาในการรักษาของหลวงพ่อ เมื่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดตรีวิสุทธิราม แล้วยังคงมี
ลูกศิษย์และผู้ป่วยตามมารักษา หลวงพ่อจึงค่อยๆพัฒนาระบบการรักษาภายในวัด มีลูกศิษย์ที่บวชชีพราหมณ์ตามมาจากวัด
ตรีญาติ คอยต่อยอดงานเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วย
ปีพ.ศ. ๒๕๕๖ เปิดบริการรักษาแบบเต็มรูปแบบ รองรับอาการเจ็บป่วยได้มากขึ้น แบ่งเป็นผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยหนัก
เป็นศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยพิทักษ์ศาสนวงศ์วัดตรีสุทธิธรรม โดยมีพระครูพิทักษ์เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
ในขณะเดียวกันหลวงพ่อได้สนับสนุนให้ลูกศิษย์ที่มีหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วยไปเรียนแพทย์แผนไทย เพื่อนำความรู้มาใช้ในการ
รักษาผู้ป่วยในวัด ปัจจุบันมีลูกศิษย์ไปเรียนเรื่องแพทย์แผนไทยจำนวน ๑๐ คน ได้ใบประกอบโรคศิลปะแล้ว ๒ คน มาทำหน้าที่
ทำยาภายในวัด และทุกวันพุธจะมีแพทย์แผนไทยจากศูนย์แพทย์แผนไทยที่ปากเกร็ดมาช่วยตรวจรักษาผู้ป่วยมาจากหลาก
หลายพื้นที่ คนไทยก็มาจากทั่วทุกภาคของประเทศ และมีชาวต่างชาติด้วย
แนวคิดพุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทย
จากการสัมภาษณ์หลวงพ่อฯ ในด้านบทบาทของพระสงฆ์ตามหลักพุทธศาสนาพระมีหน้าที่ทำการสั่งสอนตามหลักพุทธศาสนา
โดยวินัยไม่สามารถทำการรักษาได้ ถ้าทำการรักษาถือว่าผิดวินัยสงฆ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทยนั้นการรักษา
ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ หากไม่มีใบประกอบโรคศิลปะถือว่าดำเนินการผิดกฎหมาย ซึ่งพระไม่สามารถไปเรียนและสอบเอาใบ
ประกอบโรคศิลปะได้ หลวงพ่อกล่าวถึงเรื่องบทบาทการให้การรักษาผู้ป่วยที่กำลังทำอยู่ว่าเป็นการช่วยเหลือ ผู้ที่มีความทุกข์
ให้พ้นจากทุกข์ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ "ไม่เรียกร้องอะไร รักษาฟรี ให้ทาน ช่วยเหลือคนทุกข์
ให้พ้นทุกข์"
โดยพื้นฐานหลวงพ่อเชื่อว่าการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกจะเป็นหนทางในการดูแลรักษาสุขภาพของคน เพราะ
เป็นการรักษาแบบธรรมชาติ หลักธรรมมะคือหลักธรรมชาติ การเยียวยาร่างกายของผู้ป่วย เปรียบเสมือนการรักษาการลงทุนซ่อมเรือ
ให้สามารถปฏิบัติเข้าสู่ทางธรรมได้ หากร่างกายหายป่วยก็สามารถปฏิบัติธรรมมะได้ การรักษาของหลวงพ่อเน้นไปที่หลักของ
ศีล สมาธิ ภาวนา เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการรักษา ผู้ป่วยที่เข้ามาต้องรักษาศีล ๕ ปฏิบัติสมาธิ ภาวนา
ข้อจำกัดของพุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทย
หลวงพ่อให้ความเห็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตามการพัฒนา วัดที่เคยเป็นศูนย์รวมในชุมชน เป็นทั้งโรงแรม โรงเรียน ร้านอาหาร
สถานที่รักษาโรค เมื่อสังคมพัฒนาเจริญขึ้น วัดถูกแยกส่วน การศึกษาถูกแยกออกจากวัดไปอยู่ที่โรงเรียน พระถูกห้ามไม่ให้รักษา
การรักษาโรคไปอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้บทบาทพุทธศาสนา พระ และวัดถูกลดบทบาทลง